ซอฟต์เค้กนมสดเชดด้าชีส

Snack Box เมนูแนะนำ : ซอฟต์เค้กนมสดเชดด้าชีส

ซอฟต์เค้กนมสดเชดด้าชีสเป็นเค้กที่เนื้อนุ่ม เบา ฟู และมีรสชาติชีสที่ละมุนลิ้น เป็นเค้กสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากค่ะ ลองดูสูตรนี้ได้เลยนะคะ

สูตรซอฟต์เค้กนมสดเชดด้าชีส

ส่วนผสม (สำหรับพิมพ์ขนาด 16-18 ซม. หรือประมาณ 1 ปอนด์)

ส่วนผสมที่ 1 (ส่วนผสมชีส)

• นมสดจืด: 140 ml (หรือประมาณ 1/2 ถ้วยตวง + 2 ช้อนโต๊ะ)
• เนยสดจืด: 50 กรัม
• เชดด้าชีสแผ่น (หรือขูด): 3 แผ่นใหญ่ (ประมาณ 40-50 กรัม)

ส่วนผสมที่ 2 (ส่วนผสมไข่แดง)

• ไข่แดง (จากไข่ไก่เบอร์ 2): 3 ฟอง
• แป้งเค้ก: 50 กรัม
• กลิ่นวานิลลา: 1 ช้อนชา (ถ้ามี)

ส่วนผสมที่ 3 (ส่วนผสมไข่ขาว)

• ไข่ขาว (จากไข่ไก่เบอร์ 2): 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย: 70 กรัม
• ครีมออฟทาร์ทาร์ หรือ น้ำมะนาว: 1/4 ช้อนชา (ช่วยให้ไข่ขาวตีขึ้นฟูดี)

อุปกรณ์:

• พิมพ์เค้กกลมขนาด 16-18 ซม.
• กระดาษไขรองอบ
• ตะกร้อมือ
• เครื่องตีไข่ไฟฟ้า (ถ้ามี)
• ถาดสำหรับรองอบแบบใส่น้ำ (Water Bath)

วิธีทำ:

1. เตรียมพิมพ์: ทาเนยบางๆ หรือฉีดสเปรย์น้ำมันที่พิมพ์เค้ก แล้วรองด้วยกระดาษไขทั้งก้นพิมพ์และด้านข้างกระดาษไขควรสูงกว่าขอบพิมพ์ประมาณ 1-2 ซม. เพื่อให้เค้กมีพื้นที่ฟูขึ้น
2. เตรียมส่วนผสมชีส:
   • นำนมสด เนยสด และเชดด้าชีสใส่รวมกันในภาชนะทนความร้อน
   • นำไปตั้งบนหม้อน้ำร้อน (Double Boiler) โดยให้น้ำร้อนอยู่แต่ไม่เดือดจัด ใช้ไฟอ่อนๆ คนให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันจนเนียนเป็นเนื้อเดียว (ระวังอย่าให้เดือดพล่าน)
   • ยกลงจากเตา พักไว้ให้พออุ่น
3. ผสมส่วนไข่แดง:
   • เมื่อส่วนผสมชีสอุ่นแล้ว ใส่ไข่แดงลงไปทีละฟอง ตีผสมให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือจนเนียน
   • ร่อนแป้งเค้กลงไปในส่วนผสมชีสและไข่แดง คนตะล่อมเบาๆ จนเข้ากันดี ไม่มีเม็ดแป้ง จากนั้นใส่กลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน พักไว้
4. ตีไข่ขาว:
   • ในอีกอ่างผสมที่แห้งสะอาด ไม่มีคราบไขมัน ใส่ไข่ขาวลงไป ตีด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟูเป็นฟองหยาบๆ
   • ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ (หรือน้ำมะนาว) ลงไป ตีต่อ
   • ค่อยๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อย (ประมาณ 3-4 ครั้ง) ตีด้วยความเร็วสูงจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อนค่อนไปทางแข็ง (Soft Peak to Medium Peak) คือเมื่อยกหัวตีขึ้นแล้วไข่ขาวจะตั้งยอดงอเล็กน้อย ไม่เหลวเกินไปและไม่แข็งกระด้าง
5. ตะล่อมส่วนผสม:
   • ตักไข่ขาวที่ตีได้ประมาณ 1/3 ส่วน ลงในส่วนผสมไข่แดง ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน เพื่อปรับความหนืดของส่วนผสม
   • จากนั้นเทส่วนผสมไข่แดงทั้งหมดกลับไปในส่วนผสมไข่ขาวที่เหลือ ตะล่อมเบาๆ จากล่างขึ้นบนจนส่วนผสมเข้ากันดี เป็นเนื้อเดียวกัน และยังคงความฟูของเค้กอยู่ (ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ห้ามคนแรงเกินไป เพราะจะทำให้เค้กยุบตัว)
6. อบเค้ก:
   • เทส่วนผสมเค้กใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เคาะพิมพ์เบาๆ 1-2 ครั้ง เพื่อไล่ฟองอากาศ
   • นำพิมพ์เค้กไปวางในถาดสำหรับรองอบที่เตรียมน้ำร้อนไว้สูงประมาณ 1.5 – 2 ซม.
   • วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 120°C – 130°C (ไฟบน-ล่าง ไม่เปิดพัดลม) ก่อนอบประมาณ 15-20 นาที (อุณหภูมิอาจแตกต่างกันไปตามเตาแต่ละบ้าน)
   • นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 120°C – 130°C เป็นเวลาประมาณ 25-30 นาที หรือจนกว่าหน้าเค้กจะเริ่มเป็นสีเหลืองทองและเค้กเริ่มเซ็ตตัว
   • จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิเป็น 140°C – 150°C อบต่ออีกประมาณ 20-30 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุกทั่วและมีสีเหลืองทองสวยงาม (ทดสอบโดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปตรงกลางเค้ก ถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดไม้ขึ้นมาแสดงว่าสุกแล้ว)
   • หากเค้กหน้าเริ่มเกรียมเร็วเกินไป ให้ลดไฟลง หรือใช้ฟอยล์ปิดหน้าเค้กบางๆ
7. พักเค้ก:
   • เมื่อเค้กสุกแล้ว ปิดเตาอบ แง้มประตูเตาอบทิ้งไว้เล็กน้อยประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้เค้กค่อยๆ คลายความร้อนและปรับอุณหภูมิ ไม่ให้เค้กยุบตัวอย่างรวดเร็ว
   • นำเค้กออกจากเตา ยกออกจากถาดน้ำร้อน พักบนตะแกรงจนเค้กเย็นสนิท
   • เมื่อเค้กเย็นแล้ว นำเข้าตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะเย็นจัด จะช่วยให้เนื้อเค้กเซ็ตตัวและอร่อยยิ่งขึ้น

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

• ส่วนผสมทุกอย่างควรอยู่ที่อุณหภูมิห้อง โดยเฉพาะไข่และนม จะช่วยให้ผสมเข้ากันได้ดีขึ้น
• การตีไข่ขาว เป็นหัวใจสำคัญของเค้กชนิดนี้ ควรใช้อ่างผสมที่สะอาดและแห้งสนิท ไม่มีคราบไขมันปนเปื้อน เพราะจะทำให้ไข่ขาวไม่ขึ้นฟู
• การตะล่อมส่วนผสม ให้ทำอย่างเบามือและรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ฟองอากาศในไข่ขาวหายไปมากเกินไป
• การอบแบบรองน้ำ (Water Bath) ช่วยให้เค้กนุ่ม ชุ่มชื้น และป้องกันไม่ให้หน้าเค้กแตก
• อุณหภูมิเตาอบ แต่ละเครื่องไม่เท่ากัน ควรปรับตามความเหมาะสมของเตาอบที่บ้านคุณ

How to Order วิธีสั่ง Snack Box ขนมจัดเบรค กับ Delicake